dcd8bf30e7bf45fe8ecdd3f82c79ddfd Food for health: ธันวาคม 2010

ปลาสลิดบางบ่อ food for health นำเสนอ





ปลาสลิด มีชื่อเรียกในภาษามาเลย์ว่า "sepat siam" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "กระดี่หนังงู" (snakeskin gourami) และมีชื่อเรียกในราชาศัพท์อีกว่า "ปลาใบไม้" ทั้งนี้เนื่องจากคำว่า "สลิด" เพี้ยนมาจากคำว่า "จริต" พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงได้ทรงแนะนำให้เรียกปลาสลิดในหมู่ราชบริพารว่า ปลาใบไม้ เพราะทรงเห็นว่ามีรูปร่างเหมือนใบไม้
ปลาสลิด ชอบอยู่ในบริเวณทีมีน้ำนิ่ง เช่น หนอง บึง ตามบริเวณที่มีพันธุ์ไม้น้ำ เช่น ผักและสาหร่าย เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยกำบังตัวและก่อหวอดวางไข่ เนื่องจากปลาชนิดนี้โตเร็วในแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอาหารพวกพืช ได้แก่ สาหร่าย พืชและสัตว์เล็ก ๆ จึงสามารถนำปลาสลิดมาเลี้ยงในบ่อและนาข้าวได้เป็นอย่างดี
ปลาสลิด มีรูปร่างคล้ายปลากระดี่หม้อ แต่ขนาดโตกว่า ลำตัวแบนข้างมีครีบ ท้องยาวครีบเดียว สีของลำตัวมีสีเขียวออกเทาหรือมีสีคล้ำเป็นพื้น และมีริ้วดำพาดขวางตามลำตัวจากหัวถึงโคนหาง เกล็ดบนเส้นข้างตัวประมาณ 42-47 เกล็ด ปากเล็กยืดหดได้ ปลาสลิดซึ่งมีขนาดใหญ่เต็มที่จะมีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร

ปลาสลิด นับเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของไทย นิยมแปรรูปเป็นปลาแห้งหรีอปลาเค็มที่รู้จักกันดี โดยเกษตรกรจะเลี้ยงในบ่อดิน โดยฟันหญ้าให้เป็นปุ๋ยและเกิดแพลงก์ตอนเพื่อเป็นอาหารปลา โดยพื้นที่เลี้ยงปลาสลิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ที่เรียกว่า "ปลาสลิดบางบ่อ" นอกจากนี้ยังมีอีกแหล่งหนึ่งที่เคยมีชื่อในอดีต คือที่ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
 
บางบ่อเป็นเขตน้ำกร่อย หรือน้ำเค็มปนน้ำจืด ทำให้เกิดไรแดงจำนวนมาก ซึ่งไอ้เจ้าไรแดงเนี่ย เป็นอาหารหลักของปลาสลิดเขาครับ ทำให้ปลาสลิดบางบ่อ เนื้ออร่อย ชื่อเสียงถึงได้ดังไปทั่วโลก 
       ปลาสลิด ที่นี้ถือว่ามีชื่อเสียงมาก ถ้าใครผ่านมา อ.บางบ่อ ก็จะเห็นชาวบ้านนำปลาสลิดตากแห้งมาขายเรียงรายกันมากมาย ซึ่งมีรสชาติดี บวกกับเนื้อแน่นของปลาสลิด ทำให้หลายคนที่นิยมบริโภคปลาสลิด อีกทั้งปลาสลิดบางบ่อ มีให้กินทุกฤดูกาล เพราะเขามีวิธีเก็บรักษาโดยวิธีการแช่แข็ง แล้วถึงนำออกมาทำเค็มช่วงที่ปลาสลิดขาดช่วง ความอร่อยของปลาสลิดบางบ่อ ทำให้นักท่องเที่ยวอดใจไว้ไม่ได้ เมื่อยามผ่านมา อ.บางบ่อ ก็ต้องซื้อติดมือกันเลยทีเดียว

Food for health ปลาสลิดตากแห้ง ได้ทอดด้วยไฟอ่อนๆ ให้เหลืองกรอบ กับข้าวสวยร้อนๆพร้อมน้ำจิ้ม เจ้าพระคุณเอ้ย..... แซ่บหลายเด้อค๊าบ พี่น้อง
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%94
http://travel.sanook.com/foodtour/foodtour_01003.php


ฟรี!!! หาเพื่อน หาแฟน คู่รัก คนรู้ใจ ฟรี!!!
www.illbemarried-opalydism.blogspot.comฟรี!!!

ปลาช่อนแม่ลา เคยได้ยินกันบ้างรึป่าว food for health ขอนำเสนอ

แม่ลา ในที่นี้ หมายถึง ลำน้ำธรรมชาติที่เก่าแก่ที่ไหลผ่านจังหวัดสิงห์บุรี น้ำนิ่ง  โดยเป็นแอ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย มีความกว้าง 40-150 ม. ยาว18 กม. ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 42 ไร่ อยู่ในเขต อ.บางระจัน และ อ.อินทร์บุรี ที่นี่เป็นแหล่งที่มีปลาชุกชุม ปลาทุกชนิดในลำน้ำแม่ลาจะกินอร่อยกว่าปลาในแหล่งน้ำอื่นๆโดยเฉพาะปลาช่อนแม่ลา ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ รูปร่างของปลาจะไม่เหมือนปลาช่อนที่อื่น คือครีบหูมีสีชมพู หางมนเหมือนพัด ตัวอ้วน หัวหลิม เนื้อนุ่ม มีมันมาก รูปปลาช่อน แม่ลา
เหตุที่ปลาในลำน้ำแม่ลามีมันมาก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารตามธรรมชาติ พื้นน้ำปกคลุมด้วยพืชน้ำและวัชพืช ทำให้น้ำเย็น เหมาะแก่การอยู่อาศัยของปลา ดินก้นลำน้ำก็เป็นโคลนตมมีอินทรีย์วัตถุปะปนอยู่มาก และยังมีความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาติที่ไหลมาจากแอ่งน้ำรอบข้าง ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ปลาในลำน้ำแม่ลา โดยเฉพาะปลาช่อนมีรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น

สิงห์บุรี ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องปลาช่อนรสดี เป็นที่ติดอกติดใจแก่ผู้เคยลิ้มลองมานับไม่ถ้วน และหากจะพูดถึงปลาของจังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ก็คงต้องนึกถึง “ ปลาช่อนแม่ลา ” ที่มีรสชาติความอร่อยแตกต่างจากปลาช่อนที่อื่นๆโดยสิ้นเชิง
ปลาช่อนแม่ลา หลายคนคงเคยเห็นปลาช่อนแม่ลาย่างไฟอ่อนๆจนเกล็ดและหนังเกรียมดำปลาช่อนเผา เมื่อแกะหนังออกมาแล้วก็จะเห็นเนื้อปลาสีขาวออกน้ำตาลอ่อนๆ มีกลิ่นหอม เนื้อนุ่ม ทานกับน้ำจิ้มปลา โดยมียอดสะเดาย่างไฟเป็นเครื่องเคียง ใครได้ทานเมนูนี้ก็ต้องบอกว่า นี่แหละสุดยอดปลาช่อนแม่ลาเผา ที่ติดอกติดใจนักชิมนักกินชนิดที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม และหากใครอยากได้รสชาติปลาแม่ลาที่แท้จริงแล้ว ก็ต้องบอกว่าให้มาทานที่สิงห์บุรีเท่านั้น หากทานนอกเขตพื้นที่สิงห์บุรีแล้ว ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ทานปลาช่อนแม่ลาที่เป็นต้นตำรับได้ อาจเป็นปลาช่อนเลี้ยงแล้วนำมาย่างแบบเดียวกับสูตรที่สิงห์บุรีก็เป็นไปได้ และก็เป็นแบบนั้นจริงๆด้วย
food for health คิดว่าหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมที่พึ่งผ่านพ้นไป ปลาที่ชุกชุมในลำน้ำแม่ลา เริ่มหายาก เราควรจะช่วยอนุรักษ์ หาพันธุ์ปลา มาปล่อยที่แม่ลาให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

ที่มา http://www.healthcorners.com/2007/webboard/view.php?board_name=runner&q_id=1594

ฟรี!!!หาเพื่อน หาแฟน คู่รัก คนรู้ใจ ฟรี!!!
http://www.illbemarried-opalydism.blogspot.com/ฟรี!!!

พระกระโดดกำแพง ใครเคยชิมบ้าง food for health นำเสนอเกร็ดน่ารู้สุดยอดอาหารฮ่องเต้

พระกระโดดกำแพง 
        มีเรื่องเล่าว่า องค์ชาย 14 แห่งราชวงศ์ชิง รู้ตัวว่า ถูกองค์ชาย 4 วางแผนชิงอำนาจ ทำให้พระองค์บรรทมไม่หลับ เสวยไม่ได้ ผู้ปรุงอาหารในราชสำนัก จึงเปิดตำราระดมสุดยอดอาหาร เพื่อนำไปถวายบำรุงกำลังวังชาฮ่องเต้ อาหารชนิดนั้นต้องใช้กระบวนการตุ๋นถึง 18 ชั่วโมง
        ทันทีที่พระองค์เปิดฝาโถใส่อาหาร กลิ่นหอมของอาหารฮ่องเต้ ก็โชยออกสู่นอกพระราชวัง เข้าจมูกหลวงจีนวัดเส้าหลิน หลวงจีนก็เลยตบะแตก ทนไม่ได้ ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงมาเอ่ยปากขอชิม อาหารสูตรนี้ จึงได้ชื่อว่า พระกระโดดกำแพง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
        บ้างก็บอกว่า เป็นเรื่องที่พระจีนกำลังออกบิณฑบาตอยู่ แต่ไม่มีใครใส่บาตรเลย พระท่านหิวมาก จนเกิดอาการตาลาย กระทั่งเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง กำลังปรุงอาหารอยู่ กลิ่นอาหารหอมเข้าจมูก พระท่านก็เลยกระโดดข้ามรั้วบ้านเข้ามา


ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมา ต่างเป็นเรื่องเล่า สุดยอดอาหารฮ่องเต้


       ส่วนประกอบในพระกระโดดกำแพง มีตั้งแต่ หูฉลาม, ปลิงทะเล, กระเพาะปลาสด, รังนก, เป๋าฮื้อ ฯลฯ หูฉลามเองก็แบ่งได้หลายเกรด แต่ชนิดแพงสุด คือ ครีบหรือหูของ ‘ฉลามเสือ’ เส้นใหญ่เท่าไม้จิ้มฟัน ถือว่าเป็น ‘ราชาแห่งหูฉลาม’ ต้องมาจากประเทศ ‘โอมาน’ จึงจะถือว่ามีคุณภาพดี ราคาแพงที่สุดในโลก หูขนาด 14-16 นิ้ว ราคาขายชั่งละกว่าแสนบาท
       นอกจากนี้ ยังมี หมูแฮมจีน จากยูนนาน (ที่นี่จะมีอากาศหนาวทั้งปี ชนิดเย็นเฉียบเลยทีเดียว เขาจะมีกรรมวิธีเอาขาหมูไปฝังดินหมักด้วยความเย็นของดิน จะอร่อยวิเศษกว่าวิธีใดๆ) 
       เอ็นกวาง, กระเพาะปลาสด (ถ้าเอามาปรุงพระกระโดดกำแพง ต้องเลือกอย่างหนา และต้องเป็นกระเพาะปลาตัวผู้เท่านั้น ตามธรรมชาติแล้วตัวผู้จะเนื้อแน่นกว่าตัวเมีย)
       เห็ดหอม, ปลิงทะเลแห้ง (อย่างดีต้องมาจากออสเตรเลีย ต้องแช่น้ำ 1 วันก่อนนำมาปรุงอาหาร เชื่อว่า ช่วยเสริมพลังเพศเป็นอย่างดี ไม่มีคอเลสเตอรอล), หอยเชลล์แห้ง (กังป๋วย), เป๋าฮื้อแห้ง (มีแบบขอบเขียว กับขอบดำ มีให้เลือก 20 เกรด ดีที่สุดต้องมาจากเม็กซิโก เป๋าฮื้อชั้นดี เวลาเอามีดกรีดลงไปในเนื้อ จะมีเสียงคลิก แสดงว่า เนื้อกรอบแน่น เอามาทำสเต๊กเป๋าฮื้อก็อร่อย) , นกเป็ดน้ำ (สมัยนี้ใช้ไก่ดำแทน เพราะนกเป็ดน้ำจะสูญพันธุ์แล้ว) รวมถึง โสมเกาหลี, ยาจีน (ฮ่วยชัง เก๋ากี้) และ เหล้าจีน และส่วนที่ขาดไม่ได้ ก็คือ  
 ตังฉั่งเช่า ถ้าขาดเมื่อไหร่จะกลายเป็นพระปลอมทันที 


"ตังฉั่งเช่า" เป็นหญ้าชนิดหนึ่ง ขึ้นในแถบทิเบต ช่วงดึกอากาศหนาวเย็น มันจะดูพลิ้วไหวตามสายลม ดูมีชีวิตชีวา มองคล้ายตัวหนอนคลานอยู่ตามพื้นดิน ราคาชั่งละประมาณ 60,000-200-000 บาท (1 ชั่งมี 6 ขีด)














      เมื่อได้ส่วนผสมทุกอย่างแล้วใส่รวมกัน เคี่ยวไฟอ่อนๆ ประมาณ 12-18 ชั่วโมง จึงได้เมนูเด็ด "พระกระโดดกำแพง"


**สำหรับในเมืองไทยที่ทำขาย จะประกอบด้วยหูฉลาม หมูแฮมจีน เอ็นกวาง กระเพาะปลาสด
เห็ดหอม ปลิงทะเล หอยเชลล์แห้ง (กังป๋วย)
เป๋าฮื้อแห้ง โสมเกาหลี ยาจีน (ฮ่วยซัว เก๋ากี้) เหล้าจีน ตังฉั่งเช่า (สมุนไพรจีน)  เคี่ยวรวมกัน 12 ชม.


      บางที่ก็เป็นหูฉลาม,เป๋าฮื้อ,นกพิราบ,ปลิงทะเล,กระเพาะปลา,เห็ดหอมแห้ง,กัง ป๋วยแห้ง,เอ็นกวาง พร้อมด้วย"เครื่องยาจีน"ตำรับโบราณขนานแท้
บางแห่งก็ขายกันหม้อละหมื่นสี่พันบาท
      สูตรที่ทำขายแบบมีให้พอซื้อหาทานได้ ประกอบด้วยสุดยอดเครื่องปรุง 18 อย่าง ซึ่ง ได้แก่ เก๋ากี้ โสม ตังกุย ตังเซียม ผ่อซัว ตังกุย พุทราจีนแดง เห็ดหอม กังป๋วย หอยสังข์ขาว หอยสังข์แดง เหล้าเช่าชิง ขาหมูแฮม ไก่ดำ ปลิงทะเล กระเพาะปลาสด หูฉลาม เป๋าฮื้อ โดยเฉพาะส่วนประกอบ 4 อย่างหลัง เป็นอาหารสุดยอดราคาแพงที่ให้คุณประโยชน์ ในด้านการบำรุงและรักษาอย่างมาก ดังปรากฎในหนังสือการแพทย์ของราชวงค์ชิง และราชวงศ์หมิง

ที่มา:

Food for health เครื่องดื่ม 5 เมนูเพื่อสุขภาพ

ทุกวันนี้คุณยังชอบดื่มน้ำอัดลมกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดกันได้แล้ว เพราะผมจะพาคุณไปพบกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และก็มีรสชาติอร่อย ป้องกันและการบรรเทาอาการต่างๆ และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างแน่นอน...

เมนูเพื่อสุขภาพที่คุณหาซื้อรับประทาน และสามารถทำได้เอง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ดีต่อสุขภาพ

1.น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง
สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา
วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้

2.น้ำงาดำ
สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร
วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน

3.โอวัลตินปั่นวุ้นธัญพืช
สรรพคุณ :ในโอวัลตินไฟว์เกรนส์จะมีส่วนผสมของธัญพืชทั้ง 5 ชนิดที่เข้าไปช่วยรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงและสดใส ส่วนลูกเดือยต้มสุกก็มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถั่วเหลืองก็ช่วยลดคอเรสตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้
วิธีทำ :นำโอวัลตินแบบผงหรือโอวัลตินไฟว์เกรนส์มาชงใส่นมข้นหวานแล้วปั่น จากนั้นก็นำวุ้นธัญพืช (ผงวุ้นสำเร็จรูปต้มกับน้ำ แล้วเติมธัญพืช) มาตัดเป็นชิ้นแล้วใส่ลงไปในแก้ว

4.สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี
สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก
วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน

5.น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช
สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็น วุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!

ตลอดการทำงาน 5 วัน มารักษาสมดุลให้กับร่างกาย ด้วยเครื่องดื่มที่ผสมธัญพืช 5 ชนิด ที่หาดื่มได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา และทำเองได้ง่ายๆ สามารถดื่มตอนเย็น ก่อนนอน ดื่มตอนเช้าหรือดื่มเป็นของว่างระหว่างวันการทำงาน ก็ทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 ธาตุของร่างกาย ส่งผลให้ตลอดอาทิตย์นั้นคุณรู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว หันมาดื่มกันเยอะๆ นะครับพี่น้อง

ที่มา โดย : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=168&sub_name=%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E&sub_id=18&ref_main_id=4&mtop_name=5%20%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E

 

ฟรี!!! หาเพื่อนหาแฟน คู่รัก คนรู้ใจ ฟรี!!! หาเพื่อน หาแฟน คนรู้ใจ ได้ที่นี่ฟรี!!!! www.illbemarried-opalydism.blogspot.com